ประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการ บลูเบอรี่

บลูเบอรี่
 
ประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการ
บลูเบอรี่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในป่าที่อยู่ในประเทศอเมริกาและแคนาดา บลูเบอรี่เจริญเติบโตในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนสามารถเก็บเกี่ยวได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว บลูเบอรี่ได้รับการรับรองจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (United States Department of Agriculture: USDA) ว่าเป็นผลไม้ทีมีค่า*ORACสูง ซึ่งก็หมายความว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการทำให้เกิดโรคต่างๆ

ไฟเบอร์และโปรตีน
บลูเบอรี่เป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำ และ มีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดี และเหมาะสำหรับการลดหนัก

ประโยชน์ของบลูเบอรี่ที่เกี่ยวกับโรคเบาหวาน
ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียน่า (Louisiana State University) ที่ทำการศึกษาผลกระทบที่เกิดจากการให้อาหารเสริมที่สกัดจากบลูเบอรี่กับคนที่หนักตัวเกินมาตรฐานหรือโรคอ้วน และ ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน เป็นภาวะที่เซลล์ไม่สามารถตอบสนองต่ออินซูลินอย่างเหมาะสม ผลจากการทดลองผลปรากฏว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีและไวมากขึ้น นั่นหมายความว่าสารในบลูเบอรี่ สามารถลดการเกิดโรคเบาหวานได้ และการรับประทานบลูเบอรี่ไม่มีผลต่อน้ำหนักตัว ซึ่งผลการวิจัยนี้ได้ถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร “Journal of Nutrition” ในเดือนตุลาคม 2010Nutrition”

ประโยชน์ของบลูเบอรี่ที่เกี่ยวกับหัวใจ
เมื่ออนุมูลอิสระทำปฏิกิริยากับแอลดีแอล (LDL : low – density lipoprotein) ซึ่งเป็นโคเลสเตอรอลตัวเลว จะทำให้เกิดออกซิไดซ์แอลดีแอล (oxidized LDL) เป็นสาเหตุุของการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดและเป็นสาเหตุุทำให้เกิดโรคหัวใจ ผลการวิจัยของOklahoma State University ที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร “Journal ofNutrition” ในเดือนกันยายน 2010 พบว่าบลูเบอรี่ช่วยลดการเกิด oxidized LDL ซึ่งนั่นหมายความว่าบลูเบอรี่ช่วยลดการเกิดโรคหัวใจได้

ประโยชน์ของบลูเบอรี่ที่เกี่ยวกับสมอง
บลูเบอรี่ช่วยในเรื่องของระบบประสาทและสมอง สารแอนโธไซยานินในบลูเบอรี่ มีส่วนช่วยเพิ่มการไหลเวียนของหลอดเลือดเล็กในสมองและเยื่อบุสมอง ช่วยทำให้เซลล์สมองสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น ทำให้ความสามารถในการจำของเราดีขึ้น ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ รักษาเซลล์สมองที่ถูกทำลาย โดยมีรายงานว่า ผศ.โรเบิร์ต คริโคเรียน แห่งศูนย์สุขภาพ มหาวิทยาลัยซินซินเนติในสหรัฐ ได้ทำการทดลองให้ผู้สูงอายุที่เริ่มมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ ได้ดื่มน้ำบลูเบอร์รี่คั้นสดวันละ 2 แก้ว เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน ผลการทดลองพบว่า ผู้สูงอายุเหล่านั้นมีความทรงจำที่ดีขึ้น จึงเชื่อว่าผลบลูเบอร์รี่ดิบ ๆ จึงน่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคความจำเสื่อมด้วย

หมายเหตุ *ORAC Score หรือ ค่า โอแรค ซึ่งย่อมาจาก Oxygen Radical Absorbance Capacity เป็นคะแนนที่ได้จากการทดลองหาค่าความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหารจาก ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เป็นการทดสอบทางเคมี โดยการให้
สารต้านอนุมูลอิสระทำปฏิกิริยายับยั้งสารอนุมูลอิสระในหลอดทดลอง ค่า ORAC สูงแสดงว่าสารที่นำมาทดสอบนั้น มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้สูง กรรมวิธีและกระบวนการใน การตรวจหาค่า ORAC Score ของอาหารแต่ละชนิดเป็นวิธีการ มาตรฐาน ที่ได้รับการ ยอมรับในระดับนานาชาติ มีความสลับซับซ้อน และค่าที่ได้จากการทดลองก็สามารถใช้เป็นบรรทัดฐานในการประเมินประสิทธิภาพ ของอาหารแต่ละชนิด ที่มีความสามารถในการออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาหารที่มี ค่า ORAC Score สูงก็จะมีประสิทธิภาพในการต้านทาน และลดอุบัติการณ์ ของโรคร้ายหลายชนิดซึ่งมีสาเหตุจากอนุมูลอิสระ เช่น โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ เป็นต้น


คุณค่าทางโภชนาการของบลูเบอรี่

• แคลอรี่ 40
• แคลอรี่จากไขมัน 0
• ไขมันอิ่มตัว 0g 0%
• ไขมันทรานส์ 0g 0%
• คอเลสเตอรอล 0mg 0%
• โซเดียม 0mg 0%
• คาร์โบไฮเดรต 2g 4%
• ไฟเบอร์ 2g 8%
• น้ำตาล 7g
• โปรตีน 1g
• วิตามินเอ 0%
• วิตามินซี 10%
• แคลเซียม 0%
• ธาตุเหล็ก 2%
• วิตามินดี 0%

http://www.berryfreshs.com/blueberry-nutrition/